Mount Chola China

This summer I went back to China to summit the Mount Chola.  Mount Chola in Tibetan means “Lake Pass” it is located in the eastern Tibetan plateau, the highest peak Rongme Ngatra  is 6168m ( 20236 ft ) above sea level. ฤดูร้อนนี้มกลับมาที่ประเทศจีนอีกครั้งเพื่อที่จะลองปีนภูเขาโชลา ความหมายของภูเขานี้ในภาษาทิเบตหมายถึง ” ทางทะเลสาบ” ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า และภูเขานี้เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดในเขตนี้

It’s not an easy task to get there we had to travel for 2 days from Chengdu to Mannigango village located Garze province in western part of Sichuan. There is only 1 road to get to this place and it’s a  busy one with trucks, bus …this trip made me realize China is vast and ful of contrast from the modern city of Chengdu with it’s high speed train to the remote area of Garze province with it’s only road !

เราใช้เวลาเดินทางจากเฉิงดูประมาณ 2 วันโดยรถบัส ถนนค่อนข้างเล็กพอสมควรเ ทำให้ผมเข้าใจว่าประเทศจีนนี้ช่างกว้างใหญ่เหลือเกินและเห็นความแตกต่างระหว่างเมืองเมืองและชนบท

We arrived at small Manigango town, which is  located 4000 meters above sea level, I could already feel the altitude there we spent 2 nights there befroe heading to BC. พวกเรามาถีงเมืองมานนิกานเกอ ซึ่งตั้งอยู่ที่ความสูงประมาณ 4000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ผมรู้สึกถึงระดับความสูงได้เลย พวกเราใช้เวลาพักที่นั้นประมาณสองคืนเพื่อปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับระดับความสูงของที่นี้

Next morning, It was very sunny day, we hiked our way to the basecamp ( 6 km ) and it took us one and half hour to get there ! We walked past a large moutain lake this place is probably the most beautiful I have ever been so far ! เช้าวันต่อมา มันช่างเเป็นวันที่จะสวยงามมาก แสงแดดส่องลงมา พวกเราได้เดินทางประมาณหกกิโลไปยัง เบสแคมป์ซึ่งใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ซึ่งทางผ่านเราได้เห็น ทะเลสาบที่ใหญ่มากซึ่งมันเป็นทะเลสาบที่สวยงามเท่าที่ผมเคยเห็นมา

We had a 10 days trip ahed to the summit : Day 1: Liu Xian, Xiao Liu and myself went  scouting the route to go to C1, it took us 7 hours round trip. เรามีเวลาอีกประมาณเกือบ 10 วัน สำหรับทริปนี้ วันที่ 1 เราสามคนได้เดินออกไปสำรวจเส้นทางเพื่อที่จะเดินทางไป แคมป์หนึ่ง และเพื่อปรับสภาพร่างกายด้วยครับ

Day2: Three of us were so tired ( Especially me ) during our acclimatizing and route finding from the day before, so we took a rest and hanged out at BC, but we still need to do something to stay fit, we decided to do what we got to do at BC. We found tree and did some pull up training there! วันที่ 2 เราพักนิดหน่อยที่ เบสแคมป์แต่เราก็ไม่ได้อยากอยู่นิ่งเฉยๆหรอก เราออกกำลังกายนิดหน่อยหาต้นไม้เพื่อฝึกดึงข้อ

Day3: move up to  C1 (4900 meters )  After a  very long hike of 6 hours , I felt a bit headache, I think I was probably dehydrated, you must drink a lot of water up there but you somehow don’t feel like drinking so you need to constantly remind yourself to drink ! At night i decided to leave my tent window open , Oh my buddha! What a view!!!! วันที่ 3 ผมรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยหลังจากหกชั่วโมงของการเดินขึ้นไปยังแคมป์หนึ่ง คิดว่าตัวเองคงดื่มน้ำน้อยไปหน่อยครับ และร่างกายของผมมีเวลาปรับสภาพน้อยไปทำให้บางครั้งรู้สึกว่าไม่อยากดื่มน้ำ

Night View Morning View at C1 Day:4 Jon, Liu Xing, Xiao Liu and I went for our route finding to C2 (5500 meters) and I made the trails for our team. It’s only about 2-3 kilometers hike but oh man it felt like the longest hike of my life. We did rope team travels on the glacier and oh man! I didn’t drink enough water that day,  and I felt so bad after we came down to the camp 1 วันที่ 4 เราสี่คนได้เดินออกไปสำรวจเส้นทางอีกครั้งจากแคมป์หนึ่งไปยังแคมป์สอง ระยะทางไม่ไกลมาประมาณ สอง-สามกิโลเมตรแต่ผมรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นระยะทางที่ไกลเท่าที่ผมรู้สึกเลยครับ เราเดินผ่านธารน้ำแข็งและที่มีรอยแยกของน้ำแข็งเยอะเหมือนกันครับ ผมยังรู้สึกแย่นิดนึงเนื่องจากร่างกายยังขาดนำ้และบวกกับอากาศที่ร้อนวันนี้

Day5:  We travels up to C2 on the huge glacier, on the the way there we had to climb pass  many crevasses. This route is not the classic one to get to the summit, it’s more technical and we need to be very careful to avoid the many crevasses on the way, and guess what we found? The snow leopard foot print, We think he was looking at us some where on the mountain.

วันที่ 5 พวกเราออกเดินทางไปยังแคมป์สอง บนธารน้ำแข็งที่กว้างใหญ่ ซึ่งระหว่างทางเราต้องเดินข้ามรอยแยกของน้ำแข็งหลายที่เหมือนกัน และระหว่างที่เราเดินทางขึ้นไปนั้น เราเห็นรอยเท้าของสิงโตหิมะที่เดินตามรอยเท้าของเราไปยังแคมป์สอง ผมไม่เคยเห็นสัตว์ตัวนี้ตัวเป็นๆนะแต่ว่ารอยเท้ามันใหญ่มาก เราคิดว่ามันคงแอบเฝ้ามองพวกเราที่ไหนสักที่เมื่อวานตอนที่เราออกไปสำรวจ

Day 6:  we stay at C2 to acclimatate,  I was still dehydrated and had headache start to feel altitude sickness symptoms. วันที่ 6 เราพักอยู่ที่ แคมป์สอง ผมเองยังรู้สึกไม่ไดีขึ้นนะ และรู้สึกถึงว่าจะไม่สบาย

Day 7: our team go up to C3 to check the trail, I had to stay at C2 as I could not function well and needed to take a rest and drink plenty of water. The team had to face whiteout all day and we could heard  many avalanches from C2, Jon Liu Xing, Xiao Liu are real hard core mountain guide !!! วันที่ 7 ทีมของเราเดินทางไปสำรวจเส้นทางไปแคมป์ 3 ผมต้องพักอยู่ที่แคมป์สองเนื่องจากว่ายังรู้สึกไม่ดีขึ้นเลยและดื่มน้ำเยอะๆ สภาพอากาศวันนี้แย่นะ ไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินเสียงของหิมะถล่มหลายครั้งเลยวันนี้ครับ Day8: We had to reassese the situation and we came to the conclusion that the route was too technical and difficult due to the weather codition for me to go. I also had some altitude sickness symptomes so the wiser decision for me was to go down. It was a difficult decision, it’s hard to go all the way up and decide you won’t go summit but i think it’s part of the learning process, you can’t always summit and you need to be able to take the responsible decision in this kind of extreme environment. It was  the right decision is to go down, the mountain is still there and I always can come back when i am ready!  That day the team made it to C3 and prepare for a summit ascent the next day. วันที่ 8 ผมเองตัดสินใจที่เดินทางลงกลับไปยังเบสแคมป์วันนี้เนื่องจากผมรู้สึกไม่เต็มร้อย และเส้นปีนทางนี้ค่อนข้างยากสำหรับผมเอง มันเป็นการตัดสินใจที่ยากพอสมควรสำหรับการเดินลง แต่ว่านี้แหละครับ ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ของกีฬานี้ ภูเขายังคงอยู่ที่นั้นและผมหวังว่าผมคงจะได้กลับมาปีนที่นี้อีกในอนาคตครับ Day9: The team were summit at 2 pm ” Congratulation Guys ” The weather definitely looks very good วันที่ 9 ทีมได้เดินทางไปถึงยอดประมาณบ่ายสองโมงครับ สภาพอากาศวันนี้ค่อนข้างเป็นใจเลยที่เดียว

Day10: Everyone walked back down safely to BC.   I learned humility from this trip and also realized it’s not always easy to stay hydrated and move up on the mountains carying heavy loads of 50 lbs bags. It was a challenging and overall  a great experience. วันที่ 10 ทุกคนเดินทางลงมาถึงเบสแคมป์อย่างปลอดภัย สิ่งที่ผมก็ได้เรียนรู้อย่างมากสำหรับทริปนี้ การแบกกระเป๋าที่หนักประมาณ 25 กิโลขึ้นภูเขามันไม่ง่าย การรู้จักตัวเองและถ่อมตัวว่าตัวเองไหวหรือไม่ไหว มันเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายที่ผมจะไม่ลืมครับ

Best,

Ooan

Advertisements Share this:
Like this:Like Loading...